เปิดตัว Huawei Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS เรือธงท็อปพรีเมียมส่งท้ายปี! เหนือชั้นกว่าด้วย AI สุดอัจฉริยะ

เปิดตัว Huawei Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS เรือธงท็อปพรีเมียมส่งท้ายปี! เหนือชั้นกว่าด้วย AI สุดอัจฉริยะ
Huawei Mate 20 Series ค่ะ
ล่าสุด Huawei แบรนด์ผู้ผลิตชื่อดังจากประเทศจีน ได้ทำการเปิดตัว Huawei Mate 20 และ Huawei Mate 20 Pro สมาร์ทโฟนท็อปพรีเมียมรุ่นใหม่ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น และได้รับดีไซน์ที่แปลกใหม่ไปจากเดิม

สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ใช้จอแสดงผล OLED DCI-P3 HDR ความสว่าง 820 nits และใช้พลังงานน้อย ดีไซน์หน้าจอขอบโค้งแบบ Dual Edge โดยรุ่น Mate 20 Pro มาพร้อมหน้าจอ QHD+ ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 สัดส่วนต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 86.90% พร้อมฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และมีรอยบากทรงยาว พร้อมรองรับฟีเจอร์ 3D Face Unlock

DpogZfPWwAUSc2Y

ขณะที่รุ่น Mate 20 มาพร้อมหน้าจอ FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9 สัดส่วนต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.07% มีรอยบากทรงหยดน้ำ และมีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Kirin 980 ระดับ 7 นาโนเมตร พร้อมด้วย Dual NPU หน่วยประมวลผล AI คู่ ใช้ GPU Mali-G76 โมเด็ม Cat.21 ความเร็ว 1.4Gbps รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0  มีลำโพงสเตอรีโอบนและล่างที่ซ่อนเอาไว้ในพอร์ต USB-C

นอกจากนี้ Mate 20 และ Mate 20 Pro ยังถูกติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Dynamic Pressure Sensing (DPS) รองรับแรงกดได้ 10 ระดับ และสามารถปลดล็อคตัวเครื่องไวขึ้นถึง 30%

design-matrix@2x

ด้านกล้องถ่ายภาพทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ใช้เลนส์ Leica พร้อมกันสั่น Huawei AIS ผสานโหมด AI และ AR ที่พัฒนาร่วมกับแพลตฟอร์ม AR Core ของ Google โดยรุ่น Mate 20 ใช้กล้องหลังความละเอียด 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ

ขณะที่รุ่น Mate 20 Pro ใช้กล้องหลังความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ

ทั้งยังได้ได้นำเสนอการ์ดหน่วยความจำรูปแบบใหม่ Nana Memory Card (NM Card) ความจุ 256GB ที่มีขนาดเล็กกว่า microSD Card ถึง 45% และมีความเร็วถึง 90Mb/s นั่นทำให้ตัวเครื่องสามารถรองรับ Nano Sim และ NM Card ได้ในถาดซิมเดียวกัน พร้อมสนับสนุนสัญญาณ GPS แบบคู่  และรองรับ WiFi ได้เร็วที่สุด

สนับสนุนเทคโนโลยี SuperCharge 2.0 40W ชาร์จจาก 0% ถึง 70% ภายในเวลา 30 นาที สำหรับ Mate 20 Pro ที่มีความจุ 4200 mAh และ 0% ถึง 58% ภายในเวลา 30 นาที สำหรับ Mate 20 ที่มีความจุ 4000 mAh อีกทั้งยังรองรับ Wireless Quick Charge 15W และ Qi Wireless Charging อีกด้วย

screen-10.57.28[17.10.2018]

และนอกจากจะเปิดตัว Mate 20 และ Mate 20 Pro ออกมาแล้ว พร้อมกันนี้ Huawei ยังได้เปิดตัว Huawei Mate 20X และรุ่นพิเศษ Mate 20 RS Porsche Design ออกมาพร้อมกันอีกด้วย นั่นหมายความว่าช่วงท้ายปีนี้ Huawei เปิดสมาร์ทโฟนจากตระกูล Mate 20 Series ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่  Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS

สำหรับรุ่น Mate 20X นั้นมีดีไซน์เหมือนกับรุ่น Mate 20 แต่จะมีขนาดจอที่บิ๊กกว่าถึง 7.2 นิ้ว แบตพันธุ์อึด 5000 mAh พร้อมรองรับ SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W รองรับการใช้งานปากกาดิจิตอล M Pen รับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ มีระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ใช้วัสดุ Graphene ที่เคลมว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าระบบอื่นถึง 20 เท่า

รวมถึงเอาใจคอเกมด้วยอุปกรณ์เสริม Game Pad เล่นเกมได้โดนใจมากขึ้น ส่วนรุ่นพิเศษ Mate 20 RS Porsche Design นั้นใช้วัสดุด้านหลังเป็นหนังคล้ายเบาะรถ Porsche พร้อมมีการเล่นสีสไตล์รถแข่งอีกด้วย พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมรายละเอียดทั้งหมดแบบเต็มๆ กันเลยค่ะ

Huawei-Mate-20-1

สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20  

– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วน 18:7:9
– ความละเอียด 2244×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 4GB และ 6GB
– ROM 128GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei  AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz), Bluetooth 5.0 LE, GPS , NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh สนับสนุน SuperCharge
– ขนาดตัวเครื่อง 158.2×77.2×8.3 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 188 กรัม
– มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Blue, Black และ Twilight
Huawei-Mate-20-Pro-2
สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20 Pro

– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
– ความละเอียด 3120×1440 พิกเซล (Quad HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 6GB และ 8GB
– ROM 128GB และ 256GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei  AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz) , Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh สนับสนุน SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W
– ขนาดตัวเครื่อง 157.8×72.3×8.6 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 189 กรัม
– มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Midnight Blue, Black, Twilight และ Emerald Green
Huawei-Mate-20-X-1024x888
สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20X

– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 7.2 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9
– ความละเอียด 2244×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 6GB
– ROM 128GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei  AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
– ลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Atmos
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz), Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh สนับสนุน SuperCharge
– ขนาดตัวเครื่อง 174.6×85.4×8.15 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 232 กรัม
– มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Phantom Silver และ Midnight Blue

DpoxRIWXcAA5PXA

สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20 RS Porsche Design

– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
– ความละเอียด 3120×1440 พิกเซล (Quad HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 8GB
– ROM 256GB และ 512GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei  AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz) , Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh สนับสนุน SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W
– ขนาดตัวเครื่อง 157.8×72.3×9.7 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 187 กรัม

DpotoduWkAAp7II

ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20

รุ่น RAM 4GB + ROM 128GB ราคา 799 ยูโร หรือประมาณ 30,000 บาท
รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 849 ยูโร หรือประมาณ 32,000 บาท

ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20 Pro

รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 1,049 ยูโร หรือประมาณ 39,700  บาท

ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20 RS Porsche Design

รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 1,695 ยูโร หรือประมาณ 64,000 บาท
รุ่น RAM 8GB + ROM 512GB ราคา 2,095 ยูโร หรือประมาณ 79,000 บาท

ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20X

รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 899 ยูโร หรือประมาณ 34,000 บาท

** ค่าเงินของยุโรปจะสูงกว่าไทยเนื่องจากภาษี เมื่อนำเข้าไทยราคาจะต่ำกว่านี้ค่ะ

1

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลระบุว่า Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro เริ่มวางจำหน่ายแล้วในประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป และรุ่น Mate 20X จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป

ส่วนแฟนๆ ในประเทศไทยคาดว่าจะได้เป็นเจ้าของเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากเริ่มมีโฆษณาตามช่องทางต่างๆ ให้ได้เห็นกันแล้ว ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามข่าวสารอย่างรวดเร็วทันใจได้ที่ www.ninethaiphone.com

Credit : ninethaiphone

เคาะราคา iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR อย่างเป็นทางการในไทย!! พร้อมเปิดจอง 19 ตุลาคมนี้

เคาะราคา iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR อย่างเป็นทางการในไทย!! พร้อมเปิดจอง 19 ตุลาคมนี้ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR
หลังจากที่ Apple ได้ทำการเปิดตัว iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา (ดูเพิ่มเติม) พร้อมกับมีการวางจำหน่ายในประเทศกลุ่มแรกไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดมาถึงคิวของผู้ใช้งานในประเทศไทยกันบ้าง โดยมีข้อมูลกำหนดการสั่งซื้อล่วงหน้า ราคาวางจำหน่าย และสีสันตัวเครื่อง ระบุเป็นที่เรียบร้อยบนหน้าเว็บไซต์ Official เราไปชมรายละเอียดกันเลยค่ะ
screen-10.47.56[16.10.2018]
ราคาวางจำหน่ายของ iPhone XS

• ความจุ 64GB ราคา 39,900 บาท
• ความจุ 256GB ราคา 45,900 บาท
• ความจุ 512GB ราคา 53,900 บาท
• มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง

ราคาวางจำหน่ายของ iPhone XS Max

• ความจุ 64GB ราคา 43,900 บาท
• ความจุ 256GB ราคา 49,900 บาท
• ความจุ 512GB ราคา 57,900 บาท
• มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง
screen-10.48.32[16.10.2018]
ราคาวางจำหน่ายของ iPhone XR

• ความจุ 64GB ราคา 29,900 บาท
• ความจุ 128GB ราคา 31,900 บาท
• ความจุ 256GB ราคา 35,900 บาท
• มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล และสีแดง (PRODUCT)RED™

ทั้งนี้ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะเปิดให้ผู้ใช้งานในประเทศไทย สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 เริ่มตั้งแต่เวลา 14.01 น. เป็นต้นไปค่ะ

Credit : ninethaiphoneninethaiphone

เปิดตัว Realme 2, Realme 2 Pro และ Realme C1 สเปคครบครัน ราคาเริ่มต้นเพียง 3 พันบาท!! ลุ้นเข้าไทยเร็วๆ นี้

เปิดตัว Realme 2, Realme 2 Pro และ Realme C1 สเปคครบครัน ราคาเริ่มต้นเพียง 3 พันบาท!! ลุ้นเข้าไทยเร็วๆ นี้
Realme 2, Realme 2 Pro, Realme C1
ล่าสุด Realme แบรนด์ย่อยของ OPPO ได้ทำการเปิดตัว 3 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ได้แก่ Realme 2 , Realme 2 Pro และ Realme C1 อย่างเป็นทางการที่ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป ช่วง 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนของ Realme ในการเอาเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลก เราไปชมรายละเอียดสเปคการใช้งานกันเลยค่ะ
Realme 2_1
สเปคการใช้งานของ Realme 2

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
– ความละเอียด 1520×720 พิกเซล (HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ Color OS 5.1
– CPU Snapdragon 450 แบบ Octa-core ความเร็ว 1.8GHz
– GPU Adreno 506
– RAM 3GB และ 4GB
– ROM 32GB และ 64GB
– microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 และ f/2.4 พร้อม LED flash, HDR
– กล้องหน้าความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม AI Beauty 2.0
– รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, microUSB 2.0, OTG, GPS, A-GPS
– สนับสนุน 4G LTE
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– แบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh
– ขนาดตัวเครื่อง 156.2×75.6×8.2 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 168 กรัม
– มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Diamond Blue, Diamond Black และ Diamond Red
2 Pro
สเปคการใช้งานของ Realme 2 Pro

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
– ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล (Full HD+ )
– ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ Color OS 5.1
– CPU Snapdragon 660 AIE แบบ Octa-core ความเร็ว 1.95GHz
– GPU Adreno 512
– RAM 4GB, 6GB และ 8GB
– ROM 32GB, 64GB และ 128GB
– microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 16MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/1.7 และ f/2.4 พร้อม LED flash, PDAF, HDR
– กล้องหน้าความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม AI Beauty 2.0
– รองรับ Wi-Fi 802.11 а/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, OTG, GPS, A-GPS
– สนับสนุน 4G LTE
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh
– ขนาดตัวเครื่อง 156.7x74x8.5 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 174 กรัม
– มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Blue Ocean, Black Sea และ Ice Lake

C1

สเปคการใช้งานของ Realme C1

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
– ความละเอียด 1520×720 พิกเซล (HD+ )
– ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ Color OS 5.1
– CPU Snapdragon 450 แบบ Octa-core ความเร็ว 1.8GHz
– GPU Adreno 506
– RAM 2GB
– ROM 16GB
– microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม LED flash, HDR
– กล้องหน้าความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม AI Beauty 2.0
– รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, microUSB 2.0, OTG, GPS, A-GPS
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– ระบบ Face Unlock
– สนับสนุน 4G LTE
– แบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh
– ขนาดตัวเครื่อง 156.2×75.6×8.2 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 168 กรัม
– มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ocean Blue และ Deep Black

ราคาวางจำหน่าย

DSC08609a(1)

Realme 2
รุ่น 3GB + 32GB ราคา 1,999,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 4,300 บาท
รุ่น 4GB + 64GB ราคา 2,399,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 5,200 บาท

Realme 2 Pro
รุ่น 4GB + 64GB ราคา 2,899,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 6,300 บาท
รุ่น 6GB + 64GB ราคา 3,299,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 7,100 บาท
รุ่น 8GB + 128GB ราคา 3,699,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 8,000 บาท

Realme C1
รุ่น 2GB + 16GB ราคา 1,399,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 3,000 บาท

ทั้งนี้ Realme 2, Realme 2 Pro และ Realme C1 จะวางจำหน่ายบน Lazada ในประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกันนี้มีการยืนยันมาแล้วว่าแบรนด์ Realme จะมีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน

โดยหน้าเพจเฟชบุ๊กของ Realme ได้เปลี่ยนภาพหน้าปกเพจเป็น “Hello Thailand” ส่วนจะเป็นรุ่นใดที่เข้ามาจำหน่ายบ้างนั้นเราคงต้องมาติดตามกันต่อไป ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามข่าวสารอย่างรวดเร็วทันใจได้ที่ www.ninethaiphone.com

Credit : ninethaiphone

เผยสเปค Honor 8C แบบยกชุด!! มาพร้อม Snapdragon 632 แบตอึด 4000 mAh จ่อเปิดตัว 11 ตุลาคมนี้

เผยสเปค Honor 8C แบบยกชุด!! มาพร้อม Snapdragon 632 แบตอึด 4000 mAh จ่อเปิดตัว 11 ตุลาคมนี้
Honor 8C
ล่าสุด Honor แบรนด์ย่อยของ Huawei เตรียมที่จะเปิดตัว Honor 8C สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศจีน 11 ตุลาคมนี้ และถึงแม้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวจะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็เริ่มมีข้อมูลสั่งจองล่วงหน้าผ่านร้านค้าออกมาบ้างแล้ว รวมถึงมีข้อมูลสเปคการใช้งานบางส่วน พร้อมภาพเรนเดอร์เผยออกมาให้เราได้ชมกันด้วย
Honor 8C
เบื้องต้น Honor 8C มาพร้อมหน้าจอ Full Screen มีรอยบากที่เป็นตำแหน่งของเลนส์กล้องหน้า ช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ใต้หน้าจอขอบหนาเล็กน้อย ดีไซน์ขอบโค้งมน ติดตั้งกล้องหลังเลนส์คู่พร้อมไฟแฟลช LED และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือกลางตัวเครื่อง ส่วนสเปคการใช้งานต่างๆ มีดังนี้
Honor-8c-bHonor-8c-cHonor-8c-fHonor-8c-eHonor-8c-d
สเปคการใช้งานของ Honor 8C

– หน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
– ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล
– สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 86.6%
– ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
– CPU Snapdragon 632
– RAM 4GB
– ROM 32GB และ 64GB
– รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/1.8 พร้อมระบบ AI
– กล้องหน้าความละเอียด 8MP
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– สนับสนุน 4G VoLTE
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh

อย่างไรก็ดี Honor 8C มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีทอง, สีดำ, สีม่วง และสีน้ำเงิน ส่วนราคาวางจำหน่าย รวมถึงข้อมูลสเปคอื่นๆ เราคงต้องมาติดตามกันอีกครั้งในวันเปิดตัว 11 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ
Honor-8c-specs-a
Honor-8c-specs-c
Honor-8c-specs-d
Honor-8c-specs-e
Honor-8c-specs-f
Honor-8c-specs-g
Honor-8c-specs-h
Honor-8c-specs-i
Honor-8c-specs-j
Honor-8c-specs-k
Credit : ninethaiphone

เผยเรนเดอร์ทางการ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro โชว์กล้องหลังเลนส์ Leica จำนวน 3 ตัว จอใหญ่มีรอยบากต่างดีไซน์

เผยเรนเดอร์ทางการ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro โชว์กล้องหลังเลนส์ Leica จำนวน 3 ตัว จอใหญ่มีรอยบากต่างดีไซน์

Huawei Mate 20, Huawei Mate 20 Proล่าสุด winfuture.de เว็บไซต์จากประเทศเยอรมนี ได้ทำการเปิดเผยภาพเรนเดอร์ทางการที่จะใช้เปิดตัว Huawei Mate 20 และ Huawei Mate 20 Pro ออกมาให้เราได้ยลโฉมกันแล้ว พร้อมกับมีรายละเอียดสเปคบางส่วนหลุดออกมาด้วย สำหรับดีไซน์เรือธงทั้ง 2 รุ่นมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันไม่หยอก
Huawei Mate 20
แตกต่างตรงที่รุ่น Mate 20 จะมาพร้อมหน้าจอไร้ขอบมีรอยบากทรงหยดน้ำเล็กๆ (Waterdrop Design) ซึ่งเป็นตำแหน่งของเลนส์กล้องเซลฟี่ และช่องลำโพงสนทนา ส่วนรุ่น Mate 20 Pro ใช้หน้าจอไร้ขอบมีรอยบากขนาดยาว ส่วนด้านหลังดีไซน์ขอบโค้งใช้วัสดุกระจกเงาสวยพรีเมียม ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และกล้องหลังเลนส์ Leica จำนวน 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED ที่ทั้งหมดจัดวางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม
Huawei Mate 20 Pro
ซึ่งความแตกต่างกล้องหลังของรุ่น Mate 20 และรุ่น Mate 20 Pro คือตำแหน่งของไฟแฟลช LED โดยของรุ่น Mate 20 จะอยู่ที่มุมขวาบน ส่วนรุ่น Mate 20 Pro จะอยู่ที่มุมซ้ายบน และไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง นั่นทำให้คาดว่าอาจติดตั้งไว้ใต้จอแสดงผลก็เป็นได้ ส่วนสเปคการใช้งานที่เผยออกมาเป็นของรุ่น Mate 20 มีรายละเอียดดังนี้

– หน้าจอ TFT LCD ขนาด 6.43 นิ้ว
– ความละเอียด 2244×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ EMUI 8.2
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core
– RAM 4GB, 6GB และ 8GB
– ROM 64GB, 128GB, 256GB และ 512GB
– กล้องหลังเลนส์ Leica จำนวน 3 ตัว ได้แก่ 20MP (Color) + 12MP (Monochrom) + 8MP (Wide Angle) พร้อม LED flash
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh สนับสนุน Fast Charging

screen-12.24.56[08.10.2018]

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลระบุว่า Huawei Mate 20 จะมีตัวเครื่องให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Blue และ Twilight ส่วนราคาวางจำหน่ายคาดเริ่มต้นที่ $806 หรือประมาณ 26,000 บาท สำหรับรุ่น Mate 20 และราคา $1,008 หรือประมาณ 33,000 บาท สำหรับรุ่น Mate 20 Pro ส่วนจะเป็นจริงตามนี้หรือไม่ เราคงต้องมาติดตามกันอีกครั้งในวันเปิดตัว 16 ตุลาคมนี้

Credit : ninethaiphone

เผยสเปคกล้อง Samsung Galaxy S10 ทั้งหมด 3 เลนส์ ก่อนเปิดตัวช่วงต้นปี 2019

เผยสเปคกล้อง Samsung Galaxy S10 ทั้งหมด 3 เลนส์ ก่อนเปิดตัวช่วงต้นปี 2019Samsung Galaxy S10

หลังจากที่ Samsung ได้ทำการเปิดตัว Galaxy A7 (2018) สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว หรือแบบ Triple Lens นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าในช่วงต้นปีหน้าจะมีสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวเช่นเดียวกัน นั่นคือ Samsung Galaxy S10 ล่าสุดพบว่าเริ่มมีข้อมูลกล้องหลัง 3 ตัวของ Galaxy S10 หลุดออกมาให้เราได้ทราบกันแล้ว
screen-10.14.41[03.10.2018]
จากข้อมูลเปิดเผยว่า Galaxy S10 จะติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 12MP ขนาดพิกเซล 1.4µm ปรับค่ารูรับแสงได้ f/1.5 กับ f/2.4 พร้อมกันสั่น OIS และ Auto Focus เลนส์มุมกว้าง 78 องศา ถัดมาเป็นกล้องเลนส์ซูม Telephoto ความละเอียด 13MP ขนาดพิกเซล 1.0µm ค่ารูรับแสง f/2.4 พร้อมกันสั่น OIS และ Auto Focus เลนส์มุมกว้าง 45 องศา

และสุดท้ายกล้องเลนส์มุมกว้าง 123 องศา Ultra Wide ความละเอียด 16MP ขนาดพิกเซล 1.0µm ค่ารูรับแสง f/1.9 ใช้เลนส์ขนาด 12 มม. กว้างกว่าของ LG G7 ThinQ ที่มีเลนส์กว้าง 16 มม. ส่วนจะเป็นจริงตามนี้หรือไม่ เราคงต้องมาติดตามกันต่อไป ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ

Credit : ninethaiphone

เผยผลทดสอบ Huawei Mate 20 ที่ใช้ขุมพลัง Kirin 980 แรม 6GB และรัน Android 9.0 บนแอปฯ Geekbench

เผยผลทดสอบ Huawei Mate 20 ที่ใช้ขุมพลัง Kirin 980 แรม 6GB และรัน Android 9.0 บนแอปฯ Geekbench
Huawei Mate 20
ล่าสุดมีรายงานระบุว่าสมาร์ทโฟน Huawei โค้ดเนม LYA-L29 ที่มาพร้อมมีระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ชิปเซ็ตแบบ Octa-Core และหน่วยความจำแรม 6GB ได้รับการทดสอบอยู่บนแอปฯ Geekbench เบื้องต้นเชื่อกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นคือ Huawei Mate 20 หรือ Mate 20 Pro โดยทั้ง 2 รุ่น นั้นมาพร้อมชิปเซ็ต Kirin 980 ที่ทาง Huawei คุยไว้ว่าเป็นชิปที่เร็วแรงที่สุดในตอนนี้
Huawei-Mate-20-LYA-L29อย่างไรก็ดี สมาร์ทโฟน Huawei โค้ดเนม LYA-L29 สามารถทำประสิทธิภาพด้าน Single-core อยู่ที่ 3390 คะแนน และด้าน Multi-core อยู่ที่ 10318 คะแนน ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับผลทดสอบชิปเซ็ต Kirin 980 บน AnTuTu ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งทุกรุ่นได้อย่างสบายๆ

ทั้งนี้ Huawei จะเปิดตัว Mate 20 และ Mate 20 Pro (อาจรวมถึง Mate 20 Porsche Design) ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ

Credit : ninethaiphone

เปรียบเทียบ iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 เรือธงรุ่นใหญ่ต่างค่าย สเปคทรงพลัง ใครดี ใครเด่น มาดูกันเลย!

เปรียบเทียบ iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 เรือธงรุ่นใหญ่ต่างค่าย สเปคทรงพลัง ใครดี ใครเด่น มาดูกันเลย!
iPhone XS Max vs Samsung Galaxy Note 9
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับเปรียบเทียบสเปคมือถือที่เราได้นำมาให้ชมกันอยู่บ่อยครั้ง (ดูเพิ่มเติม) สำหรับวันนี้เราจะขอนำเอา iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่ต่างค่าย ที่มาพร้อมสเปคการใช้งานอันทรงพลัง แบบไม่มีใครยอมใครมาเปรียบเทียบสเปคให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแบบชัดๆ

โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น มีดีไซน์รูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน iPhone XS Max มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขนาด 6.5 นิ้ว มีรอยบากคล้ายรุ่นก่อนหน้า ด้านหลังติดตั้งกล้องเลนส์คู่จัดวางในรูปแบบแนวตั้งมุมซ้ายบน และไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนตัวเครื่อง

ขณะที่ Samsung Galaxy Note 9 หน้าจอใหญ่ไร้รอยบากขนาด 6.4 นิ้ว เหลือขอบบนล่างเพียงเล็กน้อย ด้านหลังติดตั้งกล้องเลนส์คู่จัดวางในแนวนอนกลางตัวเครื่อง ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมรองรับปากกา S Pen คู่ใจที่สนับสนุน Bluetooth ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะแตกต่างกันแค่ไหน เราไปชมเปรียบเทียบสเปค iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 กันเลยค่ะ

เปรียบเทียบสเปคการใช้งาน iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9

 Features Samsung Galaxy Note 9 iPhone XS Max 
วันเปิดตัว :  – 9 สิงหาคม 2561  – กันยายน 2561
ราคา :  – 33,900.- 128GB   – $1,099 หรือราว 36,000.- (64GB)
 –  – $1,249 หรือราว 41,000.- (256GB)
 –  – $1,449 หรือราว 47,000.- (512GB)
 –  – *ราคาต่างประเทศ (ยังไม่รวมภาษี)
ระบบปฏิบัติการ :  – Android 8.1 Oreo  – iOS 12
หน้าจอ :  – หน้าจอ Super AMOLED  – หน้าจอ OLED แบบ Super Retina HDR
 – ขนาด 6.4 นิ้ว  – ขนาด 6.5 นิ้ว
 – ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+)  – ความละเอียด 2688×1245 พิกเซล
 – กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5  – การแสดงผลแบบ True Tone
 – Always-on display  – 3D Touch
 – Multitouch  – Multi-Touch
CPU :  – Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz  – Apple A12 Bionic แบบ Hexa-core
GPU :  – Mali-G72 MP18  – Apple GPU (4-core graphics)
RAM :  – 6GB  – 4GB
ความจำตัวเครื่อง :  – 128GB  – 64GB
 – microSD Card สูงสุด 512GB  – 256GB
 –  – 512GB
กล้องหลัง :  – 12MP  (Wide-angle) + 12MP (Telephoto)  – 12MP (Wide-Angle) + 12MP (Telephoto)
 – ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ  – ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 ตามลำดับ
 – LED flash  – Quad-LED True Tone flash
 – Super Speed Dual Pixel   – Hybrid IR
 – dual pixel PDAF  – PDAF
 – กันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์  – กันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์
 – ออปติคอลซูม 2 เท่า  – ซูมออปติคอล 2 เท่า
 – ดิจิตอลซูม 10 เท่า  – ซูมดิจิตอล 10 เท่า
 – Portrait  – Portrait
 – Auto Focus  – Auto Focus
 – panorama  – panorama
 – Auto Focus  – Auto Focus
 – HDR  – HDR
กล้องหน้า :  – 8MP  – 7MP
 – ค่ารูรับแสง f/1.7  – ค่ารูรับแสง f/2.2
 – Auto Focus   – Retina Flash 
 –  – HDR 
S Pen :  – รองรับปากกา S Pen   –
 – ขนาด 5.7×4.35×106.37 มม.  –
 – น้ำหนัก 3.1 กรัม  –
 – กันน้ำ IP68  –
Video :  – 2160p@60fps, 1080p@240fps, 720p@960fps  – 4K@60fps, 1080p@30fps, 720p@30fps, Slo‑mo 1080p@240fps
Battery :  – 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging  – ใช้งานได้นานกว่า iPhone X สูงสุด 1.5 ชั่วโมง
 –  – รองรับ Qi Wireless Charging และ Fast Charging
ขนาด :  – 161.9×76.4×8.8 มม.  – 157.5×77.4×7.7 มม.
น้ำหนัก :  – 201 กรัม  – 208 กรัม
รองรับซิม :  – dual SIM  – dual SIM (nano + eSIM)
ระบบกันน้ำ :  – IP68  – IP68
ระบบเครือข่าย :  – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz  – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz
 – 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz  – 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz
 – 4G LTE  – 4G VoLTE
ระบบเชื่อมต่อ :  – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz)  – WiFi 802.11 ac / MIMO
 – Bluetooth 5.0  – Bluetooth 5.0
 – USB Type-C  – Lightning
 – Bixby  – Siri
 – Samsung DeX  – Memoji
 – ANT+  – Animoji
 – NFC  – NFC
GPS :  – GPS  – GPS
 – A-GPS  – A-GPS
 – GLONASS  – GLONASS
 – GALILEO  – GALILEO
Sensor :  – Fingerprint   – Face ID
 – Iris Scanner  – Accelerometer
 – Intelligent Scan  – Gyro
 – Heart Rate   – Proximity
 – Facial Recognition  – Compass
 – Accelerometer  – Barometer
 – Barometer  –
 – Gyro  –
 – Proximity  –
 – RGB Light  –
สี :  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)  – ทอง
 – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)  – เงิน
 – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)  – เทาสเปซเกรย์

Samsung Galaxy Note 9
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเปรียบเทียบสเปคการใช้งานของ iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ โดย Galaxy Note 9 มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 33,900 บาท สำหรับรุ่นความจุเริ่มต้น 128GB ขณะที่ iPhone XS Max มีราคาอยู่ที่ $1,099 หรือราว 36,000 บาท สำหรับรุ่นความจุเริ่มต้น 64GB (ราคายังไม่รวมภาษี)

สำหรับจุดเด่น Galaxy Note 9 คือมีราคาวางจำหน่ายที่ถูกกว่า iPhone XS Max ใช้หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด Quad HD+ ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz มีหน่วยความจำแรม 6GB ความจุ 128GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512GB ขณะที่กล้องหลังมีค่ารูรับแสงปรับได้ f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ

กล้องหน้า 8MP ค่ารูรับแสง f/1.7 รองรับปากกา S Pen แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ด้านเซ็นเซอร์ Galaxy Note 9 มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สแกนม่านตา และระบบสแกนอัจฉริยะ เป็นต้น

 Features Samsung Galaxy Note 9 iPhone XS Max 
ราคา :  – 33,900.- 128GB   – $1,099 หรือราว 36,000.- (64GB)
 –  – $1,249 หรือราว 41,000.- (256GB)
 –  – $1,449 หรือราว 47,000.- (512GB)
 –  – *ราคาต่างประเทศ (ยังไม่รวมภาษี)
หน้าจอ :  – หน้าจอ Super AMOLED  – หน้าจอ OLED แบบ Super Retina HDR
 – ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+)  – ความละเอียด 2688×1245 พิกเซล
CPU :  – Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz  – Apple A12 Bionic แบบ Hexa-core
RAM :  – 6GB  – 4GB
ความจำตัวเครื่อง :  – 128GB  – 64GB
 – microSD Card สูงสุด 512GB  – 256GB
กล้องหลัง :  – ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ  – ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 ตามลำดับ
 – Super Speed Dual Pixel  –
กล้องหน้า :  – 8MP  – 7MP
 – ค่ารูรับแสง f/1.7  – ค่ารูรับแสง f/2.2
S Pen :  – รองรับปากกา S Pen   –
 – ขนาด 5.7×4.35×106.37 มม.  –
 – น้ำหนัก 3.1 กรัม  –
 – กันน้ำ IP68  –
Battery :  – 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging  – ใช้งานได้นานกว่า iPhone X สูงสุด 1.5 ชั่วโมง
Sensor :  – Fingerprint   – Face ID
 – Iris Scanner  – Accelerometer
 – Intelligent Scan  – Gyro
 – Heart Rate   – Proximity
 – Facial Recognition  – Compass
 – Accelerometer  – Barometer
 – Barometer  –
 – Gyro  –
 – Proximity  –
 – RGB Light  –
สี :  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)  – ทอง
 – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)  – เงิน
 – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)  – เทาสเปซเกรย์

iPhone XS Max

 Features iPhone XS Max  Samsung Galaxy Note 9
หน้าจอ :  – ขนาด 6.5 นิ้ว  – ขนาด 6.4 นิ้ว
ความจำตัวเครื่อง :  – 64GB  – 128GB
 – 256GB  – microSD Card สูงสุด 512GB
 – 512GB  –
กล้องหลัง :  – Quad-LED True Tone flash  – LED flash
ขนาด :  – 157.5×77.4×7.7 มม.  – 161.9×76.4×8.8 มม.
น้ำหนัก :  – 208 กรัม  – 201 กรัม
Sensor :  – Face ID  – Fingerprint
 – Accelerometer  – Iris Scanner
 – Gyro  – Intelligent Scan
 – Proximity  – Heart Rate
 – Compass  – Facial Recognition
 – Barometer  – Accelerometer
 –  – Barometer
 –  – Gyro
 –  – Proximity
 –  – RGB Light
สี :  – ทอง  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)
 – เงิน  – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)
 – เทาสเปซเกรย์  – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)

ขณะที่ iPhone XS Max จุดเด่น ได้แก่ หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความจุในตัวเครื่องมีให้เลือกขนาด 64GB, 256GB และ 512GB กล้องหลังมาพร้อม Quad-LED True Tone flash รองรับ Face ID และมีขนาดตัวเครื่องที่บางเบากว่า เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชื่นชอบของเพื่อนๆ แต่ละคนด้วย ว่าชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน หรือวางงบไว้เท่าไหร่ เนื่องจากความชื่นชอบของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันค่ะ ซึ่งเราก็คงต้องมาติดตามกันต่อด้วยว่า iPhone XS Max ที่เข้ามาทำตลาดในไทยจะเคาะราคาอยู่ที่เท่าใด แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะคิดว่ารุ่นไหนดูน่าซื้อมากกว่ากัน สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยจ้า

Credit : ninethaiphone